วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

۞...สาเหตุสำคัญของการแพ้อาหาร...۞

ขึ้นชื่อขึ้นมาแบบนี้ ต้องบอกก่อนว่าอาการแพ้อาหารไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนไป เพียงแต่อาการที่เกิดขึ้น กับคนที่แพ้อาหารนั้น จะมีอาการหลังจากทานอาหาร ชนิดที่แพ้เข้าไปแม้เพียงเล็กน้อยก็เกิดขึ้นได้แล้ว ซึ่งอาจเกิดได้ตั้งแต่นาทีแรกไปถึง 2 ชั่วโมง หลังทานอาหารนั้น ๆ

อาการทั่วไปที่พบได้แก่ ลิ้นชา ผิวหนังบวม ร้อน มีผื่นแดง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย แต่เนื่องจากร่างกายถูกกระตุ้นจากอาหารที่ทานเข้าไป ทำให้เม็ดเลือดขาวปล่อยสาร “ฮิสตามีน” ออกมา ซึ่งจะไปกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้มีการโป่งพองและบวมร้อนในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย จนเห็นเป็นผื่นแดงนั่นเอง

สาเหตุสำคัญของการแพ้อาหารนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

1) การแพ้อาหารที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น แพ้ถั่วต่าง ๆ เกิดขึ้นหลังจากทานเข้าไปไม่กี่นาที ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง

2) การแพ้อาหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

2.1 การได้รับพิษจากอาหารต่าง ๆ เช่น หอย หน่อไม้ปี๊บ

2.2 การแพ้น้ำตาลแล็กโทสในนมวัว

การแพ้อาหารนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนในครอบครัวที่มีประวัติของการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นละออง หรือเป็นหอบหืด ก็มีโอกาสเกิดอาการแพ้อาหารได้ง่ายขึ้น

การแพ้อาหารสามารถเกิดขึ้นได้เป็นครั้งคราว แม้ไม่เคยแพ้อาหารชนิดนั้น ๆ มาก่อนก็ตาม อาหารส่วนใหญ่ที่พบว่าทำให้เกิดการแพ้ เช่น อาหารทะเล ถั่วต่าง ๆ ไข่ โกโก้ พืชผักบางชนิด หรือไม่ใช่ตัวอาหารเอง แต่เป็นสารปรุงแต่งอาหาร เช่น ผงชูรส สีย้อมกุ้งแห้ง บางคนเพียงแค่ปลายลิ้นสัมผัสก็เกิดอาการแพ้ บางคนทานอาหารมื้อนั้น ๆ ได้ตามปกติอิ่มแล้วสักครู่จึงเกิดอาการก็มี

อาการแพ้ มักแสดงออกได้ในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย 3 ระบบด้วยกัน คือ

1) ทางผิวหนัง คือ เป็นลมพิษ โดยจะมีผื่นขึ้น รู้สึกคัน มีอาการบวม ผิวหนังนูนขึ้นมาเป็นแผ่น ๆ และรู้สึกแสบร้อน

2) ทางระบบทางเดินอาหาร มีอาการปากบวม น้ำลายไหลตลอดเวลา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย

3) ทางระบบทางเดินหายใจ มีอาการไอ บางรายรุนแรงมากไอจนมีอาการหอบ และถ้าหอบมาก ๆ ก็อาจถึงขั้นเป็นลมหมดสติได้

สำหรับการแพ้อาหารในเด็กนั้น ก็มีอาการในลักษณะเดียวกัน มักเกิดจากการย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ เมื่ออาหารบางส่วนที่ย่อยไม่สมบูรณ์ผ่านเข้าไปในกระแสเลือด จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ขึ้น และการที่เด็กบางคนไม่ได้นมแม่ในระยะ 1 เดือนแรกซึ่งเป็นน้ำนมที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูก ทำให้เด็กมีอาการแพ้ง่ายขึ้น ซึ่งในบางรายก็ทำให้แพ้อาหารในเวลาต่อมา หรือบางรายก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษา ต้องบอกว่าวิธีป้องกันอาการแพ้อาหารที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ ควรเตรียมยาแก้แพ้ติดตัวไว้ตลอดโดยเฉพาะเวลาเดินทาง เช่น ยาแก้แพ้จำพวกแอนติฮิสตามีน และ คาลาไมล์-โลชั่น ที่ใช้ทาบรรเทาอาการคัน มีบันทึกเกี่ยวกับการแพ้อาหารของตนเองไว้ในกระเป๋าที่ใช้ติดตัวเสมอสำหรับกรณีฉุกเฉินผู้พบเห็นจะได้ช่วยเหลือได้ทัน

เมื่อเกิดอาการแพ้ ส่วนใหญ่ให้การรักษาตามอาการ ถ้ามีอาการแพ้ทางผิวหนัง ก็ทานยาแก้แพ้ ซึ่งเป็นยาต้านสารฮิสตามีน หรือที่เรียกว่า ยาแอนติฮิสตามีน แต่ถ้ารู้สึกคันมากหรือเป็นลมพิษ ก็ใช้คาลาไมล์โลชั่นทา หรือถ้าอาการรุนแรงถึงขนาดหายใจติดขัด หอบมากอาเจียน หรือท้องเสียรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล

สำหรับเด็กเล็กที่แพ้นมวัว โอกาสที่จะแพ้นมจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ได้เหมือนกัน เช่น นมแพะ นมแกะ จึงควรหันมาใช้นมผงสูตรพิเศษสำหรับทารกที่ทำมาจากถั่วเหลืองแทน และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกใช้ กรณีที่มารดายังพอให้นมได้บ้าง มารดาไม่ควรดื่มนมวัวด้วย

ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารใด ๆ แล้ว ส่วนใหญ่จะคงเป็นตลอดไป แต่บางรายอาจจะค่อย ๆ ทุเลาลงได้ เช่นจากกินไม่ได้เลย แต่พอลองแตะลิ้นเล็กน้อยไปบ่อย ๆ ก็อาจพอกินได้บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าอยากลองจะต้องมียาแก้แพ้เตรียมไว้ด้วย.

รศ.ดร.ปรียา ลีฬหกุล

กลุ่มสาขาวิชาหลักสูตรโภชนศาสตร์

۞...สาเหตุสำคัญของการแพ้อาหาร...۞
Credit : http://www.dailynews.co.th/

“อาหารสมอง”เพิ่มความจำ“วัยทำงาน”

    มีสาวออฟฟิตเล่าปัญหาเข้ามาว่า ในแต่ละวันต้องใช้ความคิดในการทำงานค่อนข้างหนัก จะมีวิธีบำรุงสมองให้รู้สึกกระฉับกระเฉงได้อย่างไรบ้าง

ความอ่อนล้าของสมอง หรืออาการที่เรียกว่า “เบลอ” มักพบบ่อยในหนุ่ม-สาวติดไฟวัยทำงานที่ต้องใช้ทั้งพลังสมอง และพลังกาย ตกเย็นกลับบ้านจึงรู้สึกเหนื่อยง่ายอยู่บ่อย ๆ หากจะเลือกหาสิ่งดับกระหาย คลายหิวแล้วล่ะก็ ไม่ควรมองข้าม “5 อาหาร” ใกล้ตัวต่อไปนี้ เพราะมีประโยชน์ต่อสมองสุด ๆ

“ปลา” โดยเฉพาะปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู จะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ DHA ช่วยกระตุ้นเซลล์สมองให้ไวต่อการรับสัญญาณประสาท ทำให้สมองกระฉับกระเฉง มีสมาธิ

“ผักใบเขียวเข้ม” เช่น ผักคะน้า ผักโขม เป็นแหล่งของวิตามินอี และโฟเลต ช่วยชะลอปัญหาความจำเสื่อม อัตราการเปลี่ยนแปลงของความจำช้าลง

“ไวน์แดง” การศึกษาในต่างประเทศพบว่า สารประกอบในไวน์แดงจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองดีขึ้น ดังนั้น ผู้ที่ดื่มไวน์แดงในระดับปานกลาง อาจมีความเสี่ยงที่ลดลงสำหรับอาการสมองเสื่อม

“ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่” เช่น สตรอเบอร์รี่, เบอร์รี่, บลูเบอร์รี่ มีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ที่ทำให้อนุมูลอิสระหมดฤทธิ์ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ระบบประสาท โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน

“เมล็ดธัญพืช” อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 1 ช่วยสร้างเซลล์ประสาทให้แข็งแรง ช่วยลดความบกพร่องในกระบวนการคิด

อย่างไรก็ตาม นอกจากอาหารบำรุงสมองดังกล่าวข้างต้นที่ควรมีติดครัวไว้รับประทานประจำแล้ว ยังต้องมีวินัยในการบริโภค โดยทานให้ครบมื้อ ครบหมู่ และเลี่ยงอาหารไร้ประโยชน์ควบคู่ไปด้วย จึงจะเกิดประสิทธิภาพที่สุด.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@.gmail.com
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
“อาหารสมอง”เพิ่มความจำ“วัยทำงาน”
Credit : http://www.dailynews.co.th/

สปามะละกอปราบสิวเพิ่มสวยวันทำงาน

    ประโยชน์ของสูตรนี้อยู่ที่มะละกอสุกเนื้อหวาน ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินเอและซี เมื่อนำมาขัดใบหน้าเบาๆ สัปดาห์ละครั้ง จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ให้อุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวเสี้ยน สิวหัวดำ สิวหัวช้าง ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ช่วยบำรุงผิวหน้าให้นุ่มชุ่มชื้นขึ้น

เพื่อเสริมสุขภาพใบหน้าแบบเพลินอารมณ์ แนะนำให้ทำสปาไปพร้อมๆ กันค่ะ

วิธีทำ
1. ผ่ามะละกอสุกผลเล็ก 1 ผล ออกเป็นสี่ชิ้นตามยาว ปาดเนื้อมะละกอออก เหลือเนื้อติดเปลือกไว้พอประมาณ เตรียมไว้

2. เทน้ำอุ่นใส่อ่างน้ำขนาดกลาง ใส่ใบสะระแหน่สดหรือแห้ง 1 หยิบมือ ตามด้วยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์ 2-3 หยด ผสมให้เข้ากัน

3. อังหน้าให้ไอน้ำระเหยถึง ใช้ผ้าคลุมศีรษะและอ่างเพื่อเก็บไอน้ำ โดยเปิดผ้าระบายอากาศไว้เล็กน้อย

4. ขัดใบหน้าเบาๆ ด้วยเปลือกมะละกอสุก (ใช้ส่วนด้านในที่ติดเนื้อ) ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ซับหน้าให้แห้ง

เสกใบหน้าสวยไร้สิวแบบง่ายๆ คุณค่ามะละกอไทยที่คุณคู่ควรค่ะ
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
สปามะละกอปราบสิวเพิ่มสวยวันทำงาน
Credit : http://www.cheewajit.com

●● โปรตีนน้อย...ลูกเสี่ยงเป็นเบาหวานนะ ●●

โดย: ก้านแก้ว

เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ พญ.ธิศรา วีรสมัย สูติแพทย์ โรงพยาบาลพญาไท1

    นักวิจัยจาก British Heart Foundation ประเทศอังกฤษ ศึกษาพบว่าแม่ท้องที่กินโปรตีนน้อย อาจส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวานของลูกเมื่อโตขึ้นได้นะคะ

 ● แม่โปรตีนต่ำ = ลูกเป็นเบาหวาน
โดยปกติโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม แต่นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cambridge ก็พยายามศึกษาหาปัจจัยอื่นด้วย ซึ่งพบว่าการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีความสัมพันธ์ต่อยีน HNF4a

ที่ควบคุมการทำงานของสารอินซูลินที่หลั่งโดยตับอ่อน ซึ่งมีมีหน้าที่ควบคุมไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป จึงอาจเป็นไปได้ว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากความผิดปกติของยีน HNF4a นี้ค่ะ

และยังพบว่าโปรตีนจะช่วยส่งเสริมให้ยีนนี้ควบคุมอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าโปรตีนทำงานได้ไม่ดี ก็จะทำให้ตับอ่อนทำงานไม่ดีตามไปด้วย ส่งผลให้เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้นั่นเอง

โดยนักวิจัยได้ทดลองเปรียบเทียบระหว่างแม่หนูที่กินโปรตีน กับแม่หนูที่ไม่ได้กินโปรตีน พบว่าลูกหนูที่เกิดจากแม่ที่ไม่ได้ทานโปรตีนจะเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่า และจะแสดงอาการของโรคเบาหวานเมื่อเติบโตขึ้น

ดังนั้นก็อาจเป็นได้ว่าคุณแม่ที่กินอาหารโปรตีนต่ำ จะทำให้ลูกได้รับโปรตีนน้อยไปด้วย ส่งผลต่อการทำงานของยีน HNF4a และจะทำให้เด็กๆ เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้

บทสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้ ยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน แต่ก็มีประโยชน์ในเชิงการสันนิษฐานที่ว่า การกินโปรตีนของคุณแม่ส่งผลต่อสุขภาพของลูกน้อยในท้องได้ค่ะ ดังนั้น การกินอาหารของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะคุณแม่สามารถเลือกและกำหนดได้เองว่าจะกินอะไร และมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เพื่อเจ้าตัวเล็กของคุณแม่ค่ะ

 ●● อาหารห้ามพลาด...ช่วงตั้งครรภ์

การกินอาหารที่มีประโยชน์ถือเป็นการดูแลตัวเองวิธีหนึ่งยามตั้งครรภ์ เพราะไม่ใช่แค่สุขภาพของคุณแม่จะดีเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพของลูกน้อยในท้องด้วย คุณแม่จึงควรกินอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ เช่น
• กินให้ครบ 5 หมู่ โดยเป็นอาหารหลัก 3 มื้อ และอาหารว่างวันละ 2-3 ครั้ง และควรมีปลาอยู่ในทุกมื้อ เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ดี ทำให้ขับถ่ายสะดวก
• เพิ่มโปรตีนเป็น 2 เท่า เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่ใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ๆ ของทารก โดยจะพบโปรตีนจาก นม ไข่ ถั่ว และเนื้อสัตว์
• กินผักผลไม้และซีเรียลธัญพืช เพื่อเพิ่มกากใยอาหาร ช่วยป้องกันปัญหาท้องผูก
• หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีกระเพาะอาหารที่บีบตัวช้ากว่าคนทั่วๆ ไป ทำให้อาหารที่ทานเข้าไปจะค้างอยูที่กระเพาะเป็นเวลานานมาก จึงเกิดอาการท้องอืด ท้องผูกได้ง่ายค่ะ
• ดื่มน้ำเปล่าวันละ 8 แก้ว เป็นอย่างน้อย ดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว และดื่มน้ำผลไม้
●  สารอาหารใดบ้างที่คุณแม่ห้ามพลาด เพราะมีความสำคัญต่อลูกน้อยในท้อง อ่านต่อได้ ในนิตยสารรักลูกเดือน กรกฎาคม 2554 ค่ะ

●● ขั้นตอนการสระผมอย่างถูกวิธี ●●

เคยสงสัยไหมว่า วิธีการสระหรือบำรุงรักษาเส้นผมของตนเองที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ วันนี้มีเคล็ดลับดูแลให้เส้นผมสะอาดและสวยเงางามอย่างถูกวิธีมาฝาก

เส้นผมต้องสัมผัสกับมลภาวะต่าง ๆ นานา ในทุกที่ที่เจ้าของไป เมื่อถึงเวลาจึงต้องทำความสะอาด ซึ่งก็คือการสระผม โดยวิธีที่ถูกต้องที่อยากแนะนำ เพื่อสุขภาพผมที่ดี มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นแรกแนะนำให้หวีผมก่อน เพราะจะทำให้เส้นผมไม่พันกันระหว่างสระ ช่วยลดการขาดของเส้นผมได้ แล้วค่อยชำระล้างสิ่งสกปรกจากฝุ่น ควัน ผง ที่เส้นผมได้ไปสัมผัสมาตลอดทั้งวัน โดยการล้างด้วยน้ำสะอาดให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงค่อยใช้แชมพู ปริมาณในการใช้ไม่ต้องมาก เพราะจะทำให้ล้างออกยาก และอาจตกค้างที่หนังศีรษะจนแพ้หรือเป็นรังแคได้ ให้เทลงบนฝ่ามือ อย่าเทโดยตรงลงบนผม เพราะเนื้อแชมพูที่เข้มข้นอาจเกาะอยู่ตามหนังศีรษะและเส้นผม ทำให้ล้างออกยาก

และเสี่ยงต่อการตกค้างได้ ให้กะปริมาณดังนี้ ผมสั้นปริมาณในการใช้ประมาณเหรียญบาท
ผมประบ่าเหรียญห้าบาท แต่ถ้าผมยาวมากให้แบ่งเป็น 2 ตอน คือโคนผมและปลายผม ปริมาณของแต่ละส่วนเท่ากับเหรียญสิบ แล้วขยี้แชมพูลงบนฝ่ามือสักครู่จนเกิดฟอง

ให้นำฟองแชมพูไปขยี้เบา ๆ ให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ ให้ใช้ปลายนิ้วทั้งห้ากดนวดเบา ๆ ให้ทั่ว อย่าเกา เพราะอาจทำให้หนังศีรษะเป็นแผล และเป็นการกระตุ้นรังแคด้วย ใช้เวลาในการสระตามที่ฉลากข้างขวดกำหนด หรือถ้าไม่ระบุ ให้ใช้ประมาณ 5 นาที การทิ้งไว้นานเกิน 5 นาทีโดยไม่ได้ล้างออก อาจเป็นผลเสียได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตมาสำหรับการหมักผม ถ้าทิ้งไว้นานเกินไป จะทำให้แพ้ ผมร่วง และเป็นรังแคได้ เสร็จแล้วล้างแชมพูออกให้สะอาด ไม่มีฟองตกค้าง ถ้ามีเวลาควรสระผม 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรก ส่วนครั้งที่สองเป็นการบำรุงเส้นผม เสร็จแล้วใช้ครีมนวดผม โดยปริมาณในการใช้ก็เท่ากับการใช้แชมพู นำไปชโลมให้ทั่วเส้นผม แล้วใช้มือลูบผมจากโคนถึงปลาย เพื่อให้ครีมนวดซึมทั่วผมทั้งเส้น ให้เน้นที่ปลายเป็นพิเศษ นวดหนังศีรษะด้วยปลายนิ้วเบา ๆ และทิ้งไว้สักครู่ตามที่ฉลากกำหนด หรือประมาณ 1-2 นาที แล้วล้างออกให้สะอาดหมดจดเช่นเดียวกัน

เมื่อทำความสะอาดเส้นผมเรียบร้อยแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ ซับน้ำ แล้วเช็ดเบา ๆ ลูบจากด้านบนลงด้านล่าง ในทิศทางเดียวกับเส้นผม อย่าขยี้ เพราะการขยี้เป็นสาเหตุหนึ่งของผมร่วงและพันกัน รวมถึงทำให้ผมยุ่งไม่เป็นทรงเมื่อแห้งแล้วด้วย จากนั้นถ้ามีเวลา ควรปล่อยให้ผมแห้งเองตามธรรมชาติ ไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมบ่อย ๆ เพราะอาจเป็นสาเหตุของผมแห้งเสียได้ และไม่ควรนอนในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ เพราะอาจเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ และจัดทรงยากอีกด้วย อีกข้อที่ไม่ควรทำเวลาผมเปียกคือการหวีผม เพราะจะทำให้เส้นผมขาดและหลุดร่วงได้ง่าย.

●● http://www.dailynews.co.th/

เพื่อไขความลับของปัญหาเส้นผม “โดฟ” แนะวิธีรับมือกับ ปัญหาผมแห้ง

จิโร่ ซาโน่ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นผมจาก “โดฟ” ได้แนะนำวิธีการรับมือปัญหาผมแห้งว่า สาเหตุของผมแห้งเกิดจากการขาดลิพิด (Lipid) หรือน้ำมันบำรุงผมจากธรรมชาติ ที่ช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นในเส้นผม การขาดลิพิดเป็นได้ทั้งทางพันธุกรรมหรือมาจากไลฟ์ สไตล์ของแต่ละคน เช่น การบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์, อายุที่มากขึ้น หรือการจัดแต่งทรงผมมากเกินไป ข้อควรระวังคือ ผมแห้งเป็นอาการเริ่มต้นของผมเสีย ซึ่งจะแก้ไขยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง ดังนั้นการใช้ออยล์ แคร์ที่สามารถซึมซาบเข้าไปบำรุงผมอย่างล้ำลึก จะลดการชี้ฟูได้โดยไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะไว้กับเส้นผม

ลีลา สุนทรวิเนตร์ และวธู หงส์ลดารมภ์ สองสาวนักเรียนเก่าจากแดนจิงโจ้.


งานนี้สาวๆที่มีผมแห้งอย่าง ลีลา บอกว่า เป็นคนผมแห้ง ผมเส้นใหญ่ จัดทรงยาก ต้องใช้ที่คาดผมทับไว้ตลอด พอได้มารู้ที่มาของผมแห้ง และรู้วิธีที่เหมาะสมในการดูแลผมแห้ง ก็ทำให้สบายใจขึ้น แต่ก่อนเคยใช้น้ำมันมะกอก แต่ต้องใช้เวลานานและเหนอะหนะ ตอนนี้รู้วิธีรับมือกับผมแห้งของตนเองแล้ว ส่วน วธู บอกว่า ตนเป็นคนผมแห้ง โคนมัน ปลายผมแห้งฟู ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ปกติต้องซ่อนปลายผมเอาไว้ด้วยการรวบผม เพราะถ้าผมแห้งชี้ฟูทำให้ดูไม่เรียบร้อย เคยใช้น้ำมันมะพร้าว ซึ่งช่วยได้ดีขึ้น แต่ล้างออกยาก วันนี้มีตัวช่วยที่ทำได้ง่ายๆ ไม่หลายขั้นตอนแล้ว ลองแล้วรู้สึกว่าสุขภาพเส้นผมดีขึ้นจริง.
   
เพื่อไขความลับของปัญหาเส้นผม “โดฟ” (Dove) ชวนสองสาวนักเรียนเก่าออสเตรเลีย ลีลา สุนทรวิเนตร์ และ วธู หงส์ลดารมภ์ ไปร่วมไขความลับถึงปัญหาผมแห้งสู่ผมนุ่มลื่นกับ “โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์” ชุดผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผมแห้ง กับผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นผมจาก “โดฟ” ไกลถึงแดนจิงโจ้ โดยมีบรรยากาศของทะเลทรายอูลูรู ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่แห้งแล้งชนิดที่ไม่เคยมีฝนตกมากว่า 16 ปีแล้วเป็นฉากหลัง

จิโร่ ซาโน่ ผู้เชี่ยวชาญจากโดฟ ชี้ปัญหาผมแห้ง.
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
http://www.thairath.co.th/content/life/190744   
เพื่อไขความลับของปัญหาเส้นผม “โดฟ” แนะวิธีรับมือกับ ปัญหาผมแห้ง

อย.เชือด2โรงเรียนสอนต่อเล็บ-ใช้น้ำยาปลอม

วันที่ 8 ส.ค. นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รองผู้บังคับการปรามปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (รอง ผบก.ปคบ.) แถลงข่าวการบุกจับโรงเรียนสอนต่อเล็บ 2 แห่ง ย่านลาดพร้าวและสามเสน หลังพบการปลอมสินค้า ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ ภายใต้แบรนด์ OPI จากสหรัฐอเมริกา

น.พ.พิพัฒน์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 4 ส.ค.เจ้าหน้าที่ อย. พร้อมเจ้าหน้าที่ บก.ปคบ. ระดมกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกนำหมายค้นของศาลแขวงพระนครเหนือเข้าตรวจสอบสถาบัน Nailpro Academy ซึ่งจดทะเบียนพาณิชย์ในนาม “สยามเนลล์” เลขที่ 1111/11 โครงการบ้านกลางเมือง รัชดา–ลาดพร้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดเป็นโรงเรียนสอนต่อเล็บ นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเล็บ พบผลิตภัณฑ์ยาทาเล็บ บำรุงเล็บแบรนด์ OPI ไม่มีฉลากภาษาไทย ที่ลักลอบนำเข้า และผลิตภัณฑ์เลียนแบบ มูลค่าของกลางกว่า 8 แสนบาท

น.พ.พิพัฒน์ กล่าวว่า อีกชุดเจ้าหน้าที่นำหมายค้นของศาลตรวจค้น ร้าน Tops N Toes Institute of Nail Art and Technology เลขที่ 1093 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ พบผลิตภัณฑ์ยาทาเล็บ บำรุงเล็บใต้แบรนด์ OPI ไม่มีฉลากภาษาไทย ที่ลักลอบนำเข้า และเลียนแบบ รวมทั้งเครื่องสำอางอื่นๆ ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยจำนวนมาก น้ำยาทาเล็บปลอม ผู้ใช้อาจได้รับอันตรายจากการใช้ หากได้รับในปริมาณมากอาจไตวาย รวมทั้งทำลายเนื้อเยื่อสมอง ป่วยโรคพากินสัน อย่าคิดว่าจะเข้าสู่ร่างกายไม่ได้ แต่สามารถซึมได้ทั้งทางมือและเท้า
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
▼▲ http://www.khaosod.co.th
อย.เชือด2โรงเรียนสอนต่อเล็บ-ใช้น้ำยาปลอม

5 เคล็ดลับ ควบคุมอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดี

หลายคนที่กำลังกังวลกับเรื่องการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีว่าควรทำอย่างไร บางคนหักโหมออกกำลังกายมากเกินไปแต่ลืมควบคุมเรื่องการทานอาหาร บางคนเลือกวิธีการอดอาหาร วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ มี 5 วิธีในการควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีมาแนะนำ

1.จงกินผักและผลไม้ มีงานวิจัยพบว่า เส้นใยในผักผลไม้ช่วยลดประสิทธิภาพการดูดซึมน้ำตาลของลำไส้ได้มาก แม้แต่ในคนที่เป็นเบาหวานแพทย์ยังแนะนำให้รับประทานผัก ผลไม้

2. ลดอาหารเค็มจัด เพราะเกลือเป็นตัวไปทำให้ความดันโลหิตสูง ถ้าคุณค่อนข้างอ้วนอยู่แล้ว การรับประทานเกลือทำให้เสี่ยงต่อความดันสูงเป็นอย่างมาก

3. ลดอาหารมัน ๆ หรือของทอด คนค่อนข้างอ้วนส่วนใหญ่ชอบทานอาหารที่มีน้ำมันมาก ควรลดอาหารประเภท ครีม, เนย, เค้ก, ไอสครีม, สเต็ก อาหารทอดต่าง ๆ

4. ถ้าคุณไม่อิ่มให้กินอาหารประเภทแป้ง ทานไม่อิ่มให้รับประทานอาหารประเภทแป้ง, ข้าว, ก๋วยเตี๋ยว, ทาสด้า, ขนมปัง เพราะแป้งจะให้พลังงานน้อยกว่าไขมัน 2 เท่า แต่ไม่ได้หมายความว่าให้กินมากจนเกินไป เพราะการกินแป้งมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดผลเสียเช่นกัน ควรควบคุมการทานแต่พอดีกำพลังงานที่เราต้องใช้ในแต่ละวัน

5. จงอย่าอดอาหาร การอดอาหารทำให้ร่างกายเปลี่ยนไป บางคนเลือกอดอาหารเย็นไปเลย ทำให้ร่างกายไม่คุ้นกับการได้รับอาหารเย็น ครั้นเมื่อมีความจำเป็นต้องทาน เช่น งานเลี้ยงบ่อย ๆ อาหารเย็นนั้นก็ถูกเก็บสะสมไว้ ทำให้คุณอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรลดอาหารในแต่ละมื้อ มากกว่างดทั้งมื้อ จะดีกว่า และที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อให้สุขภาพดีทั้งจากภายนอกและภายใน

ทำตาม 5 วิธีนี้อย่างเคร่งครัดแล้วคุณจะไม่ต้องกลัวปัญหาสุขภาพจากโรคอ้วนอีกต่อไป.
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
Credot : http://www.dailynews.co.th

กินสบายใจ สุขใจไร้โรคอ้วน

การกินเพื่อสุขภาพคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องให้ความใส่ใจ เพราะการกินไม่ใช่แค่การสนองความต้องการหรือให้อิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงผลที่มีต่อสุขภาพด้วย วันนี้มีเคล็ดลับการทานอาหารถูกหลักเพื่อสุขภาพที่ดี และไร้ความกังวลเรื่องโรคอ้วนมาฝาก

1.ทานอาหารเช้าเป็นประจำ เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดและควรเป็นมื้อที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยเติมพลังให้ร่างกายและสมองแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดช่วยให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น

2.เลือกอาหารจากธรรมชาติไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์(มอลต์) ถั่ว ข้าวสาลี (โฮลวีต) เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนที่

ปราศจากคอเลสเตอรอลและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหารและปัจจัยอื่นช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้

3.เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารและทานเป็นประจำ เพื่อเพิ่มวิตามิน เกลือแร่และสารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยนำคอเลสเตอรอลและสารก่อมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกาย ทำให้ลดการสะสมของสารก่อมะเร็งบางชนิด และมีกากใยช่วยในการขับถ่าย ช่วยให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4.ลดการทานขนมขบเคี้ยว เพราะมีแต่ไขมัน เกลือ น้ำตาลและสารปรุงแต่งอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากอยากทานขนมอาจหันมาทานขนมที่มีส่วนผสมของธัญพืชเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนมที่มีประโยชน์น้อย อย่างไรก็ตาม ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น

5.กินปลา ไข่และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างร่างกายในผู้เยาว์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสลายในผู้สูงวัย เป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง เป็นต้น

6.ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แทนน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำผักผลไม้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุกว่า 50 ชนิด เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัน

7.ดื่มน้ำและนมให้เป็นนิสัย ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและมีน้ำหล่อเลี้ยงในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย และควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1-2 แก้ว ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็กๆ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
0000000000000000
http://www.dailynews.co.th

ดูแลรูปร่างให้เซ็กซี่ฟิต แบบฉบับ จอย-วราลักษณ์

สิ-พิชญ์​สิ​นี ตัน​วิบูลย์ ฟิต​แอนด์​เฟิร์ม​ด้วย​การ​ชกมวย.

เพื่อตอบ​โจทย์​ความต้องการ​ของ​ผู้หญิงที่​อยาก “ฟิต​แอนด์​เฟิร์ม” กอ​น​นา บี เซ็กซี่​ฟิต (Gonna be Sexyfit) ผลิตภัณฑ์​เพื่อ​การ​ดูแล​รูปร่าง​และ​ผิวพรรณ  จึง​ชวน​คน​ดัง รวม​ทั้ง​สาว​ออฟฟิศ​และ​ทีม​เชียร์ลีดเดอร์จาก​จุฬาลงกรณ์​มหาวิทยาลัย มา​ร่วม​เวิร์กช็อป “ผอม​ได้...แบบ​ไม่​เครียด!! ฉบับ​สาว​อารมณ์​ดี” นำ​โดย จอย-ว​รา​ลักษณ์ วาณิช​ย์​กุล ผู้​บริหารอิน​โน​เวที​ฟ ลิฟ​วิ่ง อินเตอร์​เนชั่นแนล จำกัด มา​อุ่นเครื่อง​ก่อน​ที่​จะ​จัด​งาน​ใหญ่ “กอ​น​นา บี เซ็กซี่​ฟิต วิธ จอย” ใน​วัน​ที่ 10 พ.ค. เวลา 11.00-20.00 น.​ ที่​ชั้น 1 เซ็นทรัล​คอ​ร์ท ศูนย์การค้า​เซ็นทรัล​เวิลด์


จอย-วราลักษณ์ วาณิชย์กุล จัดท่าโยคะให้ นาเดีย นิมิตรวานิช.

กิจกรรม​เพื่อ​ความ​ฟิตนี้​เริ่ม​ต้น​กัน​ด้วยการ​ดูแล​จาก​ ภายนอก ด้วย​การ​ออกกำลัง​กาย​หลากหลาย​รูป​แบบ ทั้ง​ฟิตเนส บริหาร​แขน​และ​ขา, ชกมวย​ไทย, ว่ายน้ำ และ​โยคะ จาก​นั้น​จึง​เข้า​สู่​ขั้น​ตอน​การ​ดูแล​ผิวพรรณไป​ใน​ตัว​ด้วย กอ​น​นา บี เซ็กซี่​ฟิต ที่​นอกจาก​จะ​ช่วย​เรื่อง​ผิวพรรณ​แล้ว​ยัง​ช่วย​กระชับ​ผิว​ไป​ใน​ตัว​ ด้วย  ตาม​ด้วย​การ​ดูแล​จาก​ภายใน เน้น​ใน​เรื่อง​การ​รับประทาน​อาหาร​ที่​มี​ประโยชน์ ทั้ง ผัก ผล​ไม้ มี​วิตามิน​ช่วย​บำรุง​ผิว และ​ร่วม​ฝึก​ทำ​สมาธิ​ให้​จิตใจ​สงบ ซึ่ง​ถ้า​สุขภาพ​จิต​ดี หน้าตา​จะ​สดใส

กมล ฉัตรเสน แนะวิธีการแต่งหน้าให้สวยใส.

กมล ฉัตรเสน แนะวิธีการแต่งหน้าให้สวยใส.

พร้อม​กัน​นี้​ใน​งาน​ยัง​เชิญ กมล ฉัตร​เ​สน เมกอัพ​อาร์​ติ​สต์​ชื่อ​ดัง มา​แนะนำ​เคล็ด​ลับ​การ​แต่งหน้า​เผย​ผิว​สวย​อวด​ผิว​ใส​อีก​ว่า การ​แต่งหน้า​สำหรับ​ใน​ชีวิต​ประจำ​วัน ไม่​จำเป็น​ที่​จะ​ต้อง​แต่งหน้า​เข้ม​มาก เพียง​ลง​รองพื้น​แบบบาง​เบา ปัด​แก้ม​สี​ชมพู​ส้ม​ออ​กระ​เรื่อๆ ทา​อาย​แชโดว์ ทา​ลิปสติก​หรือ​ลิ​ปก​ลอส และ​หาก​อยาก​ให้​ดู​โฉบ​เฉี่ยว​ก็​กรีด​อาย​ไล​เนอร์​อีก​นิด  เท่า​นี้​ก็​สวย​เด่น​แล้ว และ​เพื่อ​ให้​สาวๆได้​ฟิต​อย่าง​ต่อ​เนื่อง จอย-ว​รา​ลักษณ์  ได้​แนะนำ​ว่า การ​ออกกำลัง​กาย ​นอกจาก​ช่วย​ให้​รูปร่าง​เรา​ดีแล้ว ยัง​ทำให้​ไม่​เครียด สมอง​ปลอดโปร่ง รวม​ไป​ถึง​การ​ทำ​สมาธิ ซึ่ง​นอกจาก​ช่วย​เรื่อง​จิตใจ​แล้ว ยัง​ช่วย​ให้​หน้าตา​ของ​เรา​สดใส​ด้วย  ส่วน​การ​ดูแลผิวพรรณ​ควร​เลือก​ผลิตภัณฑ์​ ที่​มี​คุณ​ค่า​และ​เหมาะสม​กับ​สภาพ​ผิว.

ดูแลรูปร่างให้เซ็กซี่ฟิต แบบฉบับ จอย-วราลักษณ์

 http://www.thairath.co.th/content/life/169019

สวยรับหน้าหนาวสไตล์ชู อูเอมูระ

เรื่อง กาญจนา เตชาวัฒนากูล

ใกล้ช่วงเวลาปลายปี ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือน ก็ถึงช่วงเวลาที่จะมาอัพเดตเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ กัน สำหรับเทรนด์เมกอัพสำหรับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2010 นี้ ชู อูเอมูระ ได้นำเสนอโหมดเมกอัพ “Fluorescent” ที่สื่อถึงความเป็นหญิงที่บานสะพรั่ง สีสัน รูปแบบ และความแช่มชื่นของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเต็มที่ ชวนให้นึกถึงความสวยงาม ความเปราะบาง และความน่าค้นหาของผู้หญิง

สำหรับคอลเลกชันโหมดเมกอัพ ลำดับที่ 131 ของ ชู อูเอมูระ และคะคุยะสุ อูชิอิเดะ ช่างแต่งหน้าอำนวยการระหว่างประเทศได้แรงดลใจจากดอกไม้ สัญลักษณ์ของความเป็นหญิงและความงามที่สุดแสนคลาสสิก ดอกไม้ในจินตนาการของอูชิอิเดะ ยังได้รับการถ่ายทอดให้เห็นเป็นภาพผ่านงานศิลป์ผ่านฝีมือของ ลิซา โกห์โนะ ศิลปินดาวรุ่งชาวญี่ปุ่น ไม่เพียงเท่านั้น คอลเลกชันซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาตินี้ ยังมีสูตรผสมด้วยเม็ดสีจากแร่ธาตุในธรรมชาติ 100% เป็นครั้งแรกของแบรนด์สีสันในคอลเลกชันนี้จึงอ่อนโยนต่อผิว และเผยให้เห็นเสน่ห์ดึงดูดใจดุจดอกไม้บานสะพรั่งในตัวคุณ

อูชิอิเดะ แนะนำวิธีแต่งหน้า 2 ลุคจากคอลเลกชันล่าสุดให้สาวๆ ที่รักความงามได้ลองนำไปเสริมแต่งกันให้อินเทรนด์สำหรับหนาวนี้

ลุคที่ 1 : หรูหรา ดึงดูดใจ

สร้างเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าหรูหรา โดยใช้ตลับแต่งตาสีดอกไม้ Graceful bloom เริ่มจากการใช้ Pressed eye shadow สีม่วงอ่อนลง ไฮไลต์บนโหนกคิ้ว ส่วนเปลือกตาบน ใช้ Cream eye shadow-liner สีดำที่เปลือกตาบน ที่หางตา ใช้ Cream eye shadow-liner สีม่วงเข้มดึงดูดใจ ตามด้วย Pressed eye shadow สีม่วงอ่อนที่กลางเปลือกตา ปิดท้ายด้วยองค์ประกอบของดอกไม้ในจินตนาการโดยติด Feather partial eyelash accent สีแดงและม่วง

สำหรับเปลือกตาล่าง ใช้ Cream eye shadow-liner สีดำ ตามด้วยเส้นเงาโดยใช้ Pressed eye shadow ME สี Dark green และ Pressed eye shadow สี P foggy light green ที่ด้านใน จากนั้นเน้นโหนกแก้มด้วย Cream cheek สีชมพูอ่อน แล้วปิดท้ายลุคนี้ด้วย Rouge unlimited สี WN270 ทาลงบนเรียวปาก




ลุคที่ 2 : อ่อนหวาน ชวนฝัน

เนรมิตภาพลักษณ์ที่ได้แรงดลใจจากความโรแมนติกและความเป็นผู้หญิงด้วย Dreamy petal ตลับสีดอกไม้สวยหวานชวนฝัน ใช้ Pressed eye shadow สีชมพูอ่อนเน้นโหนกคิ้วอย่างสวยงาม เปลือกตาบน ใช้ Cream eye shadow-liner สีดำเพื่อเพิ่มความคมเข้ม จากนั้นที่หางตาใช้ Cream eye shadow-liner สีม่วงเข้มดูโรแมนติก ตามด้วย Pressed eye shadow สี P pink ที่กลางเปลือกตา ทำให้ดวงตาพลิ้วไหวด้วย Partial floral eyelash accent สีแดงแซมด้วย Partial black cross

สำหรับ เปลือกตาล่าง เขียนขอบตาล่างด้วย Cream eye shadow-liner สีดำ แล้วเน้นเส้นเงาด้วย Pressed eye shadow สีน้ำตาลเข้ม แล้วตรึงความสนใจโดยการแตะอายแชโดว์สีทองเล็กน้อยที่หัวตา จากนั้นแตะครีมแต่งแก้มสีแดงบนโหนกแก้มแล้วเกลี่ยให้กลมกลืนจากด้านบนสุด เสริมแต่งภาพลักษณ์ด้วยเรียวปากสีอ่อน ใช้เฉดสีชวนฝันอย่าง PK 316 เป็นการปิดท้าย

สวยรับหน้าหนาวสไตล์ชู อูเอมูระ
Credit : http://www.posttoday.com

เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนรูปหน้า ทางเลือกให้สาว ๆ สวยได้ด้วยมือตัวเอง


ผู้หญิงแม้เกิดมารูปหน้าสวยไม่ครบสูตร แต่ก็สามารถสร้างความลงตัวได้ โดยไม่ต้องไปพึ่งพาการทำศัลยกรรม หรือเทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนรูปหน้า ซึ่งเสี่ยงต่อการเจ็บตัวและอาจเจ็บใจเมื่อสิ่งที่ทำไม่ได้ดั่งใจ เพื่อเป็นทางเลือกให้สาว ๆ สวยได้ด้วยมือตัวเอง เครื่องสำอางอาร์ทิสทรี จาก แอมเวย์ ร่วมกับ นิตยสารแอล ประเทศไทย จัดงาน “อาร์ทิสทรี เซอร์จีรี่ เมค-อัพ เวิร์คช็อป” กิจกรรมเวิร์กช็อปแต่งหน้าโดยเน้นเคล็ดลับการแก้ไขรูปหน้า ให้สาว ๆ แต่งหน้าสวยด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม ผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์รองพื้น “อาร์ทิสทรี เฟส” สองประสิทธิภาพที่มอบทั้งการบำรุงผิวและความเนียนเรียบสวยเป็นธรรมชาติ โดยกูรูด้านความงาม ฟูก - ธำรงรัตน์ วรารักษ์ ที่มาพร้อมเทคนิคแต่งหน้าสำหรับรูปหน้าในแบบต่าง ๆ

เมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง แนะนำว่า ผู้หญิง รูปหน้ากลม ควรแต่งให้จุดเด่นอยู่ที่กลางใบหน้า โดยใช้คอนซีลเลอร์สีอ่อนกว่าผิวลงบริเวณหน้าผาก สันจมูกและคางหลังลงรองผิวเพื่อให้ใบหน้าดูยาวขึ้น และเฉดดิ้งเพื่อลบจุดด้อยบนใบหน้าด้วยการแต้มคอนซีลเลอร์สีเข้มกว่าผิวบริเวณข้างแก้มเกลี่ยให้ทั่ว ส่วน รูปหน้าเหลี่ยม มีจุดด้อยอยู่ที่กรามและขมับกว้าง คางสั้น แก้ไขโดยการใช้คอนซีลเลอร์สีอ่อนกว่าผิวลงบริเวณหน้าผาก สันจมูกและคาง จากนั้นเฉดดิ้งด้วยคอนซีลเลอร์สีเข้มกว่าผิวแต้มบริเวณแนวขมับและแนวกราม ก็จะทำให้หน้าดูเรียวยาวขึ้นได้ ขณะที่สาว รูปหน้าเป็นรูปหัวใจ ไม่ต้องกังวล เพราะมีทางแก้ไขอยู่แล้ว ถึงมีช่วงหน้าผากและขมับกว้าง แต่คางเรียวยาว การแต่งหน้าของสาว ๆ รูปหน้าลักษณะนี้ควรไฮไลต์โดยใช้คอนซีลเลอร์สีอ่อนกว่าสีผิวบริเวณหน้าผาก สันจมูก เพื่อทำให้ส่วนกลางใบหน้าดูเด่นขึ้น และเฉดดิ้งด้วยคอนซีลเลอร์สีเข้มกว่าสีผิวแต้มบริเวณแนวขมับและปลายคาง คล้าย ๆ แบบที่ผ่านมาเพื่อทำให้ใบหน้าได้รูปมากขึ้น

สำหรับ รูปหน้าเพชรหรือลูกแพร์ ที่มีช่วงหน้าผากเล็กแคบ ปลายคางยาว แต่มีโหนกแก้มที่สูง ควรเน้นการไฮไลต์บริเวณกลางและข้างหน้าผากส่วนที่ติดกับไรผม เพื่อทำให้หน้าผากดูกว้างขึ้น รวมถึงบริเวณสันจมูก ร่องแก้มและคาง เพิ่มให้รูปหน้าดูสมดุล และเฉดดิ้งใต้แนวโหนกแก้มและบริเวณปลายคาง เพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวยาวและลดความแหลมของใบหน้าครึ่งล่าง สุดท้าย รูปหน้าไข่ ถือว่าเป็นรูปหน้าค่อนข้างสมบูรณ์แบบที่สุด การแต่งหน้าจึงง่ายมาก เพิ่มความโดดเด่นให้ใบหน้าเพียงไฮไลต์ที่บริเวณช่องคิ้ว สันจมูกและร่องแก้มเล็กน้อย หากสาวคนไหนที่มีใบหน้ารูปไข่ แต่มีช่วงคางยาวและหน้าผากกว้าง สามารถเฉดดิ้งบริเวณนั้นให้ดูสมส่วนกับส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าได้เช่นกัน


นอกจากแนะเทคนิคการแต่งหน้าแบบแก้ไขรูปหน้า ฟูก-ธำรงรัตน์ ยังแนะเคล็บลับการแต่งหน้าวิธีง่าย ๆ เพิ่มว่า การลงคอนซีลเลอร์ไฮไลต์หรือเฉดดิ้งควรเริ่มใช้ในปริมาณที่น้อยก่อนเพื่อแก้ไขได้ง่ายหากแต่งผิดพลาด และควรลงในแนวเฉียงขึ้น เช่นเดียวกับในขั้นตอนของการเกลี่ยด้วยฟองน้ำ ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้ายกกระชับ ส่วนสาวคนไหนมีปัญหาเรื่องรอยแดงจากสิว สามารถใช้คอนซีลเลอร์สีเข้มกว่าผิว 1 ระดับมาแต่งลงบนรอยเพื่อปกปิดให้ใบหน้าดูใสขึ้น ที่สำคัญการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รองพื้นคุณภาพดีมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการรองพื้นเป็นขั้นตอนแรกของการแต่งหน้าที่ควรให้ความสำคัญ หากเลือกผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ การแต่งหน้าก็ออกมาไม่สวยงามตามที่ใจต้องการได้.